อยู่ไฟ หลังคลอด
การอยู่ไฟหลังคลอดเป็นเรื่องที่คุ้นเคยกันดีในหมู่คุณย่าคุณยาย แต่สำหรับคุณแม่รุ่นใหม่ในปัจจุบันไม่ค่อยจะรู้จัก การอยู่ไฟของคนไทยนั้นไม่น่าจะมีข้อเสียอะไรสักเท่าใดถ้าทำด้วยความระมัด ระวัง เพราะการอยู่ไฟคนเฒ่า คนแก่ เชื่อกันว่า ช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายและจิตใจ รวมทั้งบรรเทาอาการ ปวดเมื่อย จากการคลอดได้ จะทำให้คุณแม่มีสุขภาพดีในภายหน้า การอยู่ไฟมีหลายชนิด ตามแต่จะนิยมหรือสะดวกกัน แต่ในสมัยก่อน จะนิยมให้ผู้คลอดอยู่บนกระดานแผ่นใหญ่ ถ้ายกกระดานให้สูงขึ้นแล้วเลื่อนกองไฟเข้าใกล้ๆ หรือเอากองไฟไปก่อไว้ข้างใต้ ก็ได้ หรือจะนอนบนกระดาน ระดับเดียวกับพื้นมีกองไฟอยู่ข้างๆก็ได้ แต่จะต้องระวังไม่ให้ไฟลุกแรงจนเกินไป และนอกจากจะนอนผิงไฟตลอดแล้วยังจะต้องดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน อาบน้ำร้อน ห้ามทานของเย็น หรือน้ำเย็น เพราะมีความเชื่อว่า ความร้อนจะทำให้ แผลหายดี และทำให้มดลูกแห้งตัวเร็ว เข้าอู่เร็ว และอาจจะงดอาหารแสลงหลายอย่าง ส่วนมากให้กินข้าวกับเกลือ หรือปลาเค็ม เพราะเชื่อว่าร่างกายสูญเสียเกลือแร่เยอะในระหว่างตั้งครรภ์ แต่ในปัจจุบัน คิดว่าไม่จำเป็นต้องงดอาหารที่คิดว่าแสลงเพราะว่าแต่ละอย่างมีประโยชน์ในการ ซ่อมแซมร่างกายที่สึกหรอจากการคลอดลูกได้เป็นอย่างดี เช่น ไข่ ถั่ว ผัก ผลไม้ ต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ก็ทานได้หมดคะ ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด และการอยูไฟสมัยใหม่ นั้น เราจะใช้ กระเป๋าน้ำร้อนเอาไปวางบริเวณหน้าท้อง เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลงบ้างแต่ควรใช้อย่างระมัดระวัง คือถ้าร้อนมากอาจจะทำให้หน้าท้องพองไหม้ได้ หรือมีการรั่ว ที่ดีควรจะหาผ้ามาพันตัวกระเป๋าน้ำร้อนสักรอบ เพื่อให้ไม่ร้อนจนเกินไป และเชื่อว่าหลังคลอดนั้นต้องนอนนิ่งๆอย่างเดียวความจริงไม่มีข้อห้ามนะคะ เดินไปใหนมาก็ได้ในบ้าน ทำให้น้ำคาวปลาไหลสะดวกด้วย แต่ก็ยังห้ามยกของหนักๆก่อนนะคะ แต่ที่ดิฉันอยากจะแนะนำการอยู่ไฟหลังคลอดก็คือการ เข้ากระโจม อบสมุนไพร เป็นการอบตัวด้วยไอน้ำร้อน โดยในหม้อสมุนไพร จะใส่ สมุนไพรที่เป็นสารระเหย เช่น หอมแดง ตะใคร้ ใบมะขาม การบูร เป็นต้น เมื่ออบเสร็จ ก็เอาน้ำที่เหลือมาอาบต่อ ซึ่งทำแต่ระตรั้งไม่ควรเกิน 15-20นาที และต้องระวังไม่ให้ถูกน้ำลวกก็ไม่น่ามีอันตรายแต่อย่างใด ที่สำคัญวิธีนี้ทำให้น้ำหนักลดลงได้ด้วยค่ะ เพราะทำให้เหงื่อออกมาก แต่ปัจจุบัน การอยู่ไฟ ใช้กระเป๋าน้ำร้อน หรือ การนาบหม้อเกลือ ไม่ค่อยช่วยให้ดีขึ้นเท่าใด แต่การบริหารร่างกายหลังคลอด จะได้ผลดีกว่าในเรื่องการเข้าสู่สภาวะ
ปกติ และถ้าบริหารอย่างเต็มที่ แล้ว จะทำให้คุณแม่มีน้ำหนักเท่าเดิมกับตอนที่ไม่ตั้งครรภ์ได้ แต่การอยู่ไฟถ้าขักผู้ใหญ่ไม่ได้ ก็ต้องทำด้วยความระมัดระวัง ก็ไม่มีข้อเสีย หรืออันตรายอะไร
เมื่อคุณแม่ ตั้งครรภ์ และ อุ้มท้อง เป็นเวลาประมาณ 9 เดือนนั้น มีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป คุณแม่ มีน้ำหนักมากขึ้น กินอาหารมากขึ้น อาหารที่เหลือจาก ลูก ก็จะถูกเก็บสะสมไว้ในรูปไขมันเพื่อเตรียมการคลอด หน้าท้องขยายใหญ่ คุณแม่ต้องอุ้ม น้ำหนักลูก ทำให้กล้ามเนื้อของหลัง ช่องท้อง ต้นขาต้องเกร็งตัวตลอดเวลา ทำให้มีอาการปวดหลัง คุณแม่ บางคนก็มีภาวะท้องผูก เป็นริดสีดวง เส้นเลือดขอดที่ขา ท้องลาย ขาบวม เป็นต้น คนโบราณหาวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการ อยู่ไฟ หรืออยู่เรือนไฟ คือ การไปนอนบนแผ่นกระดาษก่อกองไฟไว้ใกล้หรือด้านล่างเพื่อให้ มดลูก เข้าอู่ หรือแห้ง และยังเป็นการป้องกันการติดเชื้อได้อีกด้วย เนื่องจากอยู่ในที่ที่อุณหภูมิสูงอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ก็ยังให้คุณแม่กินเกลือ เพราะต้องเสียเหงื่อมากจากความร้อนระยะเวลาของการอยู่ไฟนั้นประมาณ 7-15 วัน หลังคลอดและคุณแม่ จะต้องพยายามทำขาให้ชิดกัน เพื่อให้แผล ฝีเย็บ ติดกัน วิธีการนี้คนโบราณจะเรียกว่า การเข้าตะเกียบ ซึ่งช่วยให้คุณแม่ในยุคสมัยที่ยังนิยมการอยู่ไฟหลังคลอดมีสุขภาพสมบูรณ์ ปัจจุบัน การ อยู่ไฟหลังคลอด แบบในอดีตนั้นไม่เป็นที่นิยมจนคนรุ่นหลังๆ แทบไม่รู้จักวิธีการฟื้นฟูสุขภาพของคุณแม่หลังคลอด ด้วยวิธีการนี้เลย ทั้งที่เป็นการฟื้นฟูสุขภาพ หลังคลอด ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การดูแลมารดาหลังคลอด การดูแลทารกแรกเกิด และการส่งเสริมสุขภาพเด็กดี โดยเฉพาะในส่วนของการดูแล มารดาหลังคลอด นั้น ได้นำเอาวิธีการดูแลมารดาหลังคลอดของโบราณมาประยุกต์ใช้ เพื่อก่อให้เกิดสุขภาพดีทั้ง แม่และเด็ก โดยมีองค์ประกอบในการดูแล ดังนี้ การนวด เป็นการคลายกล้ามเนื้อของแม่ที่เกร็งตัวอุ้มท้องอยู่ตลอด 9 เดือน ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีสามารถนำเอาของเสียที่ตกค้างตามส่วนต่างๆ ของร่างกายออกมากับเลือด นำไปฟอกที่ไตเพื่อขับถ่ายออก ทางปัสสาวะ และเอาสารอาหารไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ นอกจากนั้น การนวดยังช่วยลดอาการเส้นเลือดขอดรีดสีดวงทวาร และอาการบวม อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมสุขภาพอีกด้วย เหมือนที่โบราณว่าเมื่อเลือดลมดีสุขภาพก็ดี
การทับหม้อเกลือ เป็นการนำเอาเกลือเม็ดใส่ในหม้อดินตั้งไฟจนเกลือสุกประมาณ 10-15 นาที วางลงบนสมุนไพร หลากหลายชนิด ห่อด้วยใบพลับพลึงและผ้าขาว เกลือที่ตั้งไฟจนสุกจะสามารถเก็บความร้อนไว้ได้นาน 15-20 นาที เมื่อห่อเกลือด้วยใบพลับพลึงและผ้าขาวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงนำมาประคบตามร่างกายความร้อนจะช่วยให้รูขุมขนเปิด ทำให้สมุนไพรซึมผ่านลงไปได้ ช่วยขับ น้ำคาวปลา ขณะเดียวกันก็ขับของเสียออกมาตามรูขุมขน ทำให้คุณแม่มีผิวพรรณที่สวยงามรัดมดลูกให้เข้าอู่เร็วการอบสมุนไพร คือการที่คุณแม่เข้าไปในห้องหรือกระโจมที่ถูกรมด้วยไอความร้อนจากน้ำต้มสมุนไพร
ทำให้ร่างกายได้รับความร้อนทั่วตัว รูขุมขนเปิดตลอด ปอดและหลอดเลือดฝอยขยายตัว หายใจสะดวกขึ้นทำให้ขับของเสีย ทำให้เลือดไหลเวียนสะดวก กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และลดไขมันที่สะสมไว้
ขณะตั้งครรภ์ ทำให้หุ่นดี การใช้ยาสมุนไพรโบราณว่า เดิมมีการนั่งถ่าน โดยใช้สมุนไพรโรยที่ถ่าน
ให้เกิดควัน แล้วนั่งคร่อม เตารม แผลฝีเย็บ ให้แห้งและให้ช่องคลอดกระชับ การใช้ยาสมุนไพรบำรุงธาตุ
ขับน้ำคาวปลาและบำรุงนมในข้อนี้แพทย์แผนปัจจุบันไม่เห็นด้วย เพราะเชื่อว่ายาที่คุณแม่ทานอาจ
มีผลต่อเด็ก จึงทำให้ขั้นตอนนี้ไม่เป็นที่นิยมนำมาใช้ในการดูแลคุณแม่หลังคลอดในปัจจุบัน
คุณแม่หลังคลอด.........ควรอยู่ไฟเมื่อไหร่?
* คลอดธรรมชาติหลังคลอด 7-10 วัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น